
การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการสรรหาทรัพยากรมนุษย์หรือการจัดหาบุคคลเข้าทำงาน
นับว่าเป็นงานขั้นแรกที่องค์การจะดำเนินการเพื่อให้องค์การประสบความสำเร็จในการดำเนินงาน ซึ่งจะมีผลให้องค์การสามารถดึงดูดหรือชักจูงคนที่มีความสามารถเข้ามาทำงานสนับสนุนให้คนที่ทำงานแล้วปรับปรุงสมรรถภาพของคนให้สูงขึ้นและรักษาคนดีให้อยู่ในองค์การต่อไป
ลักษณะของนโยบายดังกล่าวขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งที่นำมาประกอบการกำหนดนโยบายหรือแนวทางสรรหาบุคคลเข้าทำงาน
ได้แก่
ประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่องค์การจะได้รับ
- การบรรจุตำแหน่งที่ว่างลงจากบุคคลภายนอกองค์การและภายในองค์การ
- ความเที่ยงธรรมในการจัดบุคคลเข้าทำงานการกำหนดมาตรฐานในการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงาน
- อิทธิพลของผู้สมัครบางคนที่จะส่งผลกระทบถึงการจัดหาบุคคลเข้าทำงาน
ข้อดีการสรรหาทรัพยากรมนุษย์
- สร้างขวัญ กำลังใจให้พนักงานที่ทำงานในปัจจุบัน ซึ่งจะมีผลต่อการเพิ่มผลผลิตให้กับองค์การ
- ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรับสมัครและคัดเลือกบุคคลตลอดจนการฝึกอบรมพนักงาน
- ลดปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์
ข้อเสียการสรรหาทรัพยากรมนุษย์
- อาจขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
- ขาดแคลนกำลังคนโดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการมีการขยายงาน
รางวัลหรือค่าตอบแทนต่างๆมีความจำเป็นต่อมนุษย์ทุกคน
ไม่ว่าจะมีสถานภาพหรือฐานะเป็นอย่างไร
การจ่ายค่าตอบแทนขององค์การย่อมมีผลกระทบต่อรายได้ของคนงานโดยตรง ส่วนผลทางอ้อมคือ กระทบต่อมาตรฐานการครองชีพ
ต่อสถานภาพ ต่อความภาคภูมิใจของมนุษย์ด้วย
การจ่ายค่าตอบแทนขององค์การ
เพื่อดึงดูดบุคคลทั่วไปเข้ามาทำงานในองค์การ
เพื่อรักษาพนักงานให้อยู่ทำงานในองค์การต่อไป
และเพื่อจูงใจคนงานหรือพนักงานให้ตั้งใจหรือใช้ความพยายามในกานทำงานให้องค์การอย่างเต็มที่
แนวคิดด้านการบริหารค่าตอบแทนแบบยุคการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ (The Scientific Management) : Frederick W. Taylor
“เป็นไปได้ที่จะให้คนงานได้ในสิ่งที่เขาต้องการอันได้แก่
การได้ค่าจ้างที่สูงและเป็นไปได้อีกเช่นกันที่จะให้นายจ้างได้รับในสิ่งที่เขาต้องการนั่นคือ การมีต้นทุนด้านแรงงานที่ต่ำ” ( Taylor:10 )
รูปที่ 1 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเงิน ความพึงพอใจ
และการสร้างผลผลิต
แนวคิดนี้ เทย์เลอร์ ได้ทดลองนำไปใช้ในโรงงาน Midvale Steel Plant ได้แก่แผนการจ่าย “ตามรายชิ้น”(The Differential Piece-Rate Plan)โดยที่กำหนดอัตราการจ่ายที่สัมพันธ์กับมาตรฐานของงานที่ตั้งไว้
อัตราที่จ่ายเมื่อทำงานได้ถึงมาตรฐานหรือสูงกว่า
และอัตราที่จ่ายในกรณีที่ทำงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด
ปรากฏว่าบุคคลทั่วไปในวงการบริหารก็เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว ซึ่งสามารถกระตุ้นให้คนงานทำงานกันอย่างเต็มที
ขั้นตอนที่ 1 การวางแผนการสำรวจปรกอบด้วยกิจกรรม ดังต่อไปนี้
1.การกำหนดจุดมุ่งหมาย 2.การกำหนดขอบเขตและองค์การที่จะสำรวจ
3.สุ่มเลือกองค์การที่อยู่ในขอบเขตการสำรวจ 4.พิจารณาเลือกตำแหน่งงานที่จะสำรวจ
5.กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ต้องการ 6.เลือกใช้เครื่องมือหรือวิธีการที่ถูกต้องในการรวบรวมข้อมูลขั้นตอนที่ 2 การสำรวจ ประกอบด้วยกิจกรรมดังต่อไปนี้
1.ติดต่อขอความร่วมมือจากองค์การที่เกี่ยวข้อง
2.รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงานแต่ละตำแหน่งในเชิงเปรียบเทียบ
ขั้นตอนที่ 3 การเสนอผลการสำรวจ ประกอบด้วยกิจกรรมดังนี้
1.ข้อมูลเกี่ยวกับค่าจ้างเงินเดือน
2.ข้อมูลเกี่ยวกับแนวปฏิบัติต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับค่าจ้าเงินเดือน
เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเพื่อการวิจัยมี 4 ประเภทด้วยกันคือ (Cooper and Emmory,1995 และสวัสดิ์ สุคนธรังษี,2514:22)
1.การสังเกต 2.การใช้แบบสอบถาม
3.การสำภาษณ์ 4.การวิจัยหรือสำรวจเอกสาร
ผู้วิจัยหรือผู้สำรวจค่าจ้างต้องรีบติดต่อกับองค์การที่จะทำการสำรวจ
โดยให้องค์การเหล่านั้นทราบจุดมุ่งหมายและวิธีการที่ในการสำรวจตำแหน่งงานที่จะศึกษาอย่างชัดเจนรวมทั้งข้อมูลที่ต้องการในเรื่องค่าจ้างและเงินเดือนโดยผู้สำรวจต้องไปสนทนากับผู้บังคับบัญชาโดยตรงของผู้ปฏิบัติงาน
ในตำแหน่งที่อยู่ในขอบข่ายของการสำรวจเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ระหว่างผู้สำรวจกับฝ่ายบริหาร
ซึ่งทำให้ผลการสำรวจมีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือนั่นเอง [1]
[1]
นพ
ศรีบุญนาค.การคัดเลือกบุคคลและการบริหารค่าตอบแทน.พิมพ์ครั้งที่ 1.สำนักพิมพ์สูตรไพศาล : กรุงเทพมหานคร ,2546






46 ความคิดเห็น:
เพิ่งหัดสร้างบล็อก ช่วยแนะนำหน่อยนะ
ถ้ามีระบบการสรรหาที่ดรจะทำให้องค์การได้พนักงานที่มึคุณภาพและมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนในการทำงานมากขึ้น
การสสรหานำไปสู่การจ่ายค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับค่าของงาน
อะไร
ทำไมละ
ทุกคอมเม้นนั้นมีค่า ถามมาเราตอบให้
เราเคยผ่านการสรรหาด้วยแระ
สนุกมากเลย
คุณเคยผ่านการสรรหา สนุกไหมคะ
สรรหางานอะไร เขาให้ทำอะไรบ้าง
แต่ที่เคยได้ยินส่วนมาก จะเป็นกระบวนการคัดเลือกไม่ใช่หรอคะ
อ่อ ใช่คะ โทษทีนะจำผิดไป
ก็ผ่านการคัดเลือกจากบริษัท แห่งหนึ่งไม่ขอเอ่ยนาม
ได้รู้ว่าการจะได้งานทำมันต้องผ่านกระบวนการแบบเยอะสำหรับงานบางงาน
สู้ๆนะคะ
ก็ดูดีนะ ไม่มีอะไรจะติอ่ะ
555555
การสรรหาทรัพยากรมนุษย์มีผลดีอย่างไรอ่ะ
,มีผลดีในการได้บุคคลที่มีความรู้ความสารถ เข้ามาทำงานในองค์การของเรา และทำให้ง่ายต่อการกำหนดค่าตอบแทนด้วย คะ
หมดเงินเยอะไหมที่จะสรรหา
เราจะแน่ใจได้ยังงัยค่ะว่า การสรรหาจะดีจริงๆ และได้พนักงานหรือบุคลากรที่เข้ามาทำงานจะมีประสิทธิภาพดี
อ่านแล้วรู้เรื่องดีค่ะ แต่ตัวการ์ตูนวิ้งค์ไปเลยออกแนวลายตานิดนึง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วค่า
เนื้อหาอ่านง่าย สั้นๆๆื กระชับได้ใจความดีอ่ะนะ
ทางองค์กร มีการเตรียมตัวยังไงบ้างค่ะ ในการสรรหาบุคคลเข้ามาทำงาน
ก็เตรียมตัวเรื่องงบประมาณเป็นหลัก
สรรหาเพื่ออะไร
ใครเป็นคนสรรหา
สรรหาคัดเลือกมีความหมายเดียวกันไหมค่ะ
การจัดสรรหางานมีผลดีอย่างไร
การสรรหาคือ
การหาคนให้มาสมัครงานหรือการประกาศต่างๆผ่านทาง วิทยุหนังสือพิมพ์ ทีวี หรือทางอินเตอรืเน้ตคะ
สวนการคัดเลือกเป็นกระบวนการหลังจากการสรรพา
คือเมื่อมีผู้มาสมัครงากับเรามากมาย เราก็ต้องคัดเลือกคนที่มีความสามารถมากที่สุดเข้ามาทำงานกับเราคะ
ดังนั้นการสรรหา กับคัดเลือกจึงมีความหมายแตกต่างกัน แต่เป็นกระบวนการที่ทำต่อเนื่องกัน
การจัดสรรหางานมีผลดีอย่างไร
คำตอบ
มีผลดีต่อความสามารถของเรา หากเราถนัดงานไหนเราก็ทำงานนั้นคะ
คิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ให้แก่หลายๆคนได้ค่ะ
การจ่ายรางวัลค่าตอบแทนส่งผลดีต่อธุรกิจไหมค่ะ
ถูกต้องคะ มีประโยชน์แน่นอนในอนาคต
อยากให้แนะนำสิ่งที่ดีที่ได้จากการทำงานเรื่องจัดสรรแรงงานค่ะ
การจ่ายรางวัลค่าตอบแทนส่งผลดีต่อธุรกิจไหม
คำตอบ คือ
ส่งผลดีต่อธุรกิจอย่างมากคะ
เพราะเป้นการดึงดูดใจให้คนเข้ามาทำงานมากขึ้น และไม่ให้พนักงานทีีมีอยู่ลาออกด้วยคะ
อยากให้แนะนำสิ่งที่ดีที่ได้จากการทำงานเรื่องจัดสรรแรงงานค่ะ
คำตอบ
แนะนำสิ่งที่ดี ที่ได้จากการสรรหาแรงงานคือการได้แรรงงานที่มีคุณภาพ ทำงานได้ดี ได้คนเก่งเข้ามาทำงานคะ
ก็ดีค่ะ มีประโยชน์ดีค่ะ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นคะ
เนื้อหาสาระอ่านแล้วเข้าใจง่ายดี
บล็อกนี้สร้างขึ้นเพื่ออะไรค่ะ
บล็อกนี้สร้างขึ้นเพื่อ
การนำความรุ้จากหนังสือมาเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตคะ
เสมือนเป็นบทเรียนอิเล็กทรอนิคส์
ก็โอนะ
การสรรหามีขั้นตอนอย่างไรคะ
interesting
การสรรหามีขึ้นตอนคือ
เริ่มจากการหาคนมาสมัครงานกะเราก่อน
เมื่อมีคนมาสมัครแล้ว เราก็ทำการคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถต่อไป
เปนอย่างนี้นี่เอง
แสดงความคิดเห็น