16 สิงหาคม, 2555

แนวคิดของค่าตอบแทนจูงใจ

    เมื่อเปรียบเทียบกับปรัชญาของค่าตอบแทนตามความอาวุโส หรือระยะเวลาทำงานแล้วต่างกัน
มากเพราะปรัชญาของระบบที่ยึดถืออาวุโส ได้แก่
1.เวลาที่ใช้ในแต่ละวันเป็นตัววัดผลงานในระยะสั้น
2.ในระยะยาวแล้ว คนจะแตกต่างกันในด้านระยะเวลาทำงาน
3.ความแตกต่างของผลงานแต่ละคนกำหนดไว้แล้วในค่าตอบแทนหลัก
4.การให้รางวัลเพิ่มแก่คนบางคนแต่ไม่ให้คนอื่น จะทำให้เกิดการแตกแยก และเป็นอุปสรรคต่อการทำงานร่มกัน
การตัดสินใจจ่ายค่าตอบแทนจูงใจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เงื่อนไขต่อไปนี้เป็นเงื่อนไขที่สามารถให้ค่าตอบแทนจูงใจได้คือ(Beach, 1980, 596-597)
1.ผลผลิตของพนักงาน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของบุคคลหรือกลุ่มจะต้องวัดได้และสามารถกำหนดมาตรฐานได้
2.ความสัมพันธ์ระหว่างทักษะและกำลังความพยายามของพนักงาน กับผลผลิตที่เกิดจะต้องเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ บางบริษัทอาจกำหนดค่าตอบแทนจูงใจ เพื่อให้พนักงานเอาใจใส่คอยดูแลไม่ให้เครื่องจักรหยุดเดิน
3.ผลงานจะต้องนับได้และจัดได้ว่าเป็นผลงานของใคร แต่ถ้ายากจะนับได้ ก็อาจจะเปลี่ยนมาให้เป็นผลงานกลุ่มหรือองค์การ หรืออาจใช้การนับเวลาแทน
4.จะต้องทำให้เกิดการลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยการผลิตหรือหน่วยบริการ แต่จะต้องทำให้เกิดผลผลิตเพิ่ม เหตุผลที่นายจ้างจ่ายค่าตอบแทนจูงใจ ก็เพราะต้องการกระตุ้นให้พนักงานผลิตเพิ่ม มีผลงานดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นและต้นทุนต่อหน่วยลดลง
5.พนักงานจะต้องยอมรับ สนับสนุนและร่วมมือกับการจ่ายค่าตอบแทนจูงใจ ถ้าพนักงานไม่ยอมรับจะทำให้แผนการจ่ายค่าตอบแทนจูงใจล้มได้ง่าย 
การวัดงาน
 
วิธีการกำหนดมาตรฐานสำหรับการวัดผลงานมีหลายแบบ ดังนี้ (Beach, 1980, 597-600)
1.ผลงานในอดีต (past performance) ใช้ผลงานในอดีตเป็นมาตรฐานวัดผลงานได้ แต่เป็นวิธีที่หยาบเกินไป เพราะไม่ได้พิจารณารายละเอียดของวิธีการวัดผลงาน ความล่าช้า ทักษะของพนักงานจึงยากที่จะบอกได้ว่าถูกต้องตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นหรือไม่
2.การต่อรองระหว่างนายจ้างกับสหภาพแรงงาน (bargaining between employee and union) การต่อรองกำหนดมาตรฐานเป็นวิธีกรรมกรโรงงานผลิตเสื้อผ้าใช้กันมาก
3.การศึกษา (time study) วิธีการหลักที่ใช้กำหนดมาตรฐานในอุตสาหกรรม ก็คือ การศึกษาเวลา เพื่อวัดและสร้างมาตรฐานการปฏิบัติงาน
4.ข้อมูลมาตรฐาน (standard data) เป็นการศึกษาการปฏิบัติงานซ้ำๆกัน จนกระทั้งได้แบบแผนที่แน่นอนสำหรับการทำงานของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
5.ระยะเวลาการเคลื่อนไหวย่อย (predetermined elemental times) เป็นการเคลื่อนไหวของร่างกาย นิ้ว แขน หัวหรือส่วนอื่นๆ ที่เรียกว่า เทอร์บลิกส์ (therbligs) องค์การแต่ละแห่งอาจกำหนดเวลามาตรฐานการเคลื่อนไหวไม่เหมือนกัน การวิเคราะห์จะช่วยให้เห็นข้อบกพร่อง ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพและกำหนดเป็นมาตรฐาน
6.การสุ่มตัวอย่าง (work sampling) เป็นวิธีสังเกตการณ์ทำงานในแต่ละวันของคนงานโดยการสุ่มและจดบันทึกเอาไว้ แล้วนำไปคำนวณหักกลบลบกัน เพื่อกำหนดมาตรฐานและเทียบกับการปฏิบัติที่เกิดขึ้นจริง
    เงื่อนไขเบื้องต้นของค่าตอบแทนจูงใจ
การจ่ายค่าตอบแทนจูงใจต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ขององค์การ และความน่าจะเป็นของการจ่ายค่าตอบแทนจูงใจ ต้องเป็นไปตามทฤษฎีความคาดหวัง (expectancy theory) คือ (Beach & Atchison ,1987, 258-259)
1.ส่วนแรกของทฤษฎีความคาดหวัง คือ ความพึงพอใจต่อรางวัล (valence) คนต้องรู้สึกว่ารางวัลที่จะได้มีความสำคัญต่อตนเอง กรณีนี้คือเงินเพิ่มจากผลงาน แม้ว่าเงินจะเป็นเครื่องมือในการตอบสนองต่อความต้องการ แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แผนค่าตอบแทนจูงใจจะได้ผลดีที่สุดก็ต่อเมื่อมีอิทธิพลต่อคน ความพึงพอใจต่อรางวัลนี้ต้องมาจากการวิจัย
2.ความสัมพันธ์ระหว่างผลงานกับรางวัล (performance-reward connection) การจ่ายค่าตอบแทนจะได้ผลก็ต่อเมื่อมีความสัมพันธ์ระหว่างการจ่ายกับผลงาน
3.ความสัมพันธ์ระหว่างผลงานกับความพยายาม (performance-effort connection) พนักงานมักคิดว่าตนเองได้ใช้ความพยายามไปมากกว่าผลงาน การจ่ายค่าตอบแทนจูงใจเชื่อในหลักว่าคนมีผลงานต่างกันและความแตกต่างนี้สามารถสังเกตเห็นได้ แต่งานจำนวนมากยากที่จะสังเกตเห็นหรือยากที่จะวัด หรือถึงแม้จะมีความแตกต่าง แต่การวัดในรูปของความพยายามของบุคคลก็ยังยาก 
 แนวทางบริหารแผนค่าตอบแทนจูงใจ สำหรับแนวทางบริหารแผนค่าตอบแทนจูงใจ มีดังต่อไปนี้ (Mathis & Jackson ,1999 , 461-463)
1.ตระหนักถึงวัฒนธรรมองค์การและทรัพยากร (recognize organizational culture and resources) ปัจจัยความสำเร็จของแผนค่าตอบแทนจูงใจที่สำคัญ คือ ความสอดคล้องกับวัฒนธรรมและทรัพยากรทางการเงินขององค์การ เช่น ถ้าองค์การเป็นเผด็จการและยึดระเบียบประเพณี ระบบค่าตอบแทนที่ยืดหยุ่นและการทำงานเป็นทีมก็จะล้มเหลว
2.ทำให้แผนค่าตอบแทนจูงใจเป็นที่เข้าใจกัน (make variable pay plans understandable) ปัจจัยความสำเร็จอีกประการหนึ่ง คือ ทำให้แผนค่าตอบแทนจูงใจง่ายต่อการทำความเข้าใจ แผนยิ่งยุ่งยากเท่าใด ก็ยิ่งอธิบายให้พนักงานเข้าใจยากเท่านั้น                                                                                                               
3.จัดแผนค่าตอบแทนจูงใจให้ทันสมัย (keep incentive plans current ) ระบบการจูงใจที่ดี ควรสะท้อนถึงเงื่อนไขทางด้านเทคโนโลยี และองค์การที่มีอยู่
4.จ่ายค่าตอบแทนจูงใจสำหรับผลงานที่ต้องการ (variable pay to desired performance) ระบบค่าตอบแทนจูงใจควรสัมพันธ์กับผลงานที่ต้องการ โดยให้พนักงานมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างความพยายามของเขากับรางวัลที่เป็นตัวเงิน
5.ยอมรับความแตกต่างกันของบุคคล (recognize individual differences) การจ่ายค่าตอบแทนจูงใจ ควรจ่ายสำหรับความแตกต่างกันของบุคคล คนมีความแตกต่างกัน จึงต้องพัฒนาค่าตอบแทนจูงใจหลาย ๆ แบบเพื่อดึงดูดคน
6.ระบุค่ะตอบแทนจูงใจแยกออกจากค่าตอบแทนหลัก (identify variable separate from base pay) แผนค่าตอบแทนจูงใจที่ประสบความสำเร็จ มักระบุไว้ชัดว่า พนักงานจะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มจากค่าตอบแทนหลัก มากน้อยเท่าใด การระบุนี้จะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างผลงานกับค่าตอบแทนจูงใจ
 ประเภทของค่าตอบแทนจูงใจ        
ค่าตอบแทนจูงใจอาจแบ่งได้  3 ประเภท คือ ค่าตอบแทนจูงใจระดับบุคคล กลุ่มหรือทีม องค์การทาง    องค์การ (Mathis & Jackson,1999,458-460)
 1.  ค่าตอบแทนจูงใจระดับบุคล (individual incentives) เป็นรางวัลที่ให้กับความพยายามผลงานของบุคคล           
 2.   ค่าตอบแทนจูงใจระดับกลุ่มหรือทีม (group or team incentives) เพื่อต้องการให้กลุ่มหรือทีมร่วมมือกันมากขึ้น

 3. ค่าตอบแทนจูงใจในระดับองค์การ (organization incentives) เป็นการให้รางวัลสำหรับผลงานทั่วทั้งองค์การ[1]



[1] เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ,การบริหารค่าจ้างและเงินเดือน,พิมพ์ครั้งที่ 2, บพิธการพิมพ์ จำกัด:กรุงเทพมหานคร,2546

38 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

การจ่ายค่าตอบแทนแบบจูงใจ ทำให้พนักงานมีขวัญกำลังใจในการทำงานมากขึ้น

Unknown กล่าวว่า...

ผู้ที่ทำงานมานาน จะมีค่าตอบแทนที่หลากหลายมากกว่าพนังงานใหม่ใช่หรือไม่

Unknown กล่าวว่า...

หากองค์การนำวิธีการจ่ายค่าตอบแทนแบบจูงใจไปใช้จะช่วยลดปัญหาการลาออกพนักงานได้

Unknown กล่าวว่า...

เนื้อหาครบถ้วนมาก อ่านแล้วเข้าใจง่าย ผู้เขียนคงมีความรู้ในเรื่องนี้มาก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ดี

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ดีมากเลยค่ะ (เนื้อหาดีมาก)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ถ้าไม่มีแรงจูงใจก้ไม่มีใครอยากทำงานนะ เราต้องมีแรงจูงใจให้กับพนักงานเพื่อให้เขาอยากทำงานต่อ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ทำได้ดีมาก เนื้อหาครอบถ้วน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ดีมากเลย .. ได้ความรู้มากยิ่งขึ้น

Unknown กล่าวว่า...

สร้างขวัญและกำลังใจให้พนักงาน เยี่ยมๆ

Unknown กล่าวว่า...

ชอบเรื่องนี้ติดตามเรื่องนี้มากเลยเรา

Unknown กล่าวว่า...

แต่เนื้อก็ดีจริงๆ ได้ประโยชน์มาก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ทำไมต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เออใช่ทำไมต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การจ่ายค่าตอบแทนนะมีแก่แบบครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เพื่อนๆทำยังไง ทำได้ดีจัง เราชอบมากเลยนะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เนื้อหาดีมากเลยนะครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เราอยากได้หนังสือเล่มนี้มาอ่านสอบ ยืมที่ไหน หมวดอะไร

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มีคนมาสนใจมากเลย ดีใจจัง

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ไม่รู้ว่าพวกคุณคิดอะไรกัน แต่ผมก็ชอบ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เพื่อนผมฝากมาให้คอมเม้นให้ ดีมากเลยนะเพื่อน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มาสอนผมทำแบบนี้บ้างผมอยากทำเป็น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ที่มหาวิทยาลัยผมทำไมไม่สอนให้ทำแบบนี้บ้าง

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เดียวจะฝากเพื่อนๆผมมาเม้นช่วยกัน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การจ่ายค่าตอบแทนแบบจูงใจ ทำให้พนักงานมีขวัญกำลังใจในการทำงานจริงหรือ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จูงใจให้ตาย ถ้าจะลาออกแล้วจะทำไม

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จะจ่ายค่าตอบแทนให้มากแค่ไหน ถึงจะจูงใจได้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มาอ่านดูเนื้อหาตัวนี้ ตรงกับเราเรียนมาเลย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มาอ่านดูเนื้อหาตัวนี้ ตรงกับเราเรียนมาเลย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อ่านแล้วได้ประโยชน์มาก สำหรับเรานะ เราสามารถนำไใช้ในการเรียนได้ด้วย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มันเหมือนเป็นการสรุปเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนแบบจูงใจ ให้เราอ่านเข้าใจมากขึ้นจากที่เรียนมา

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เพื่อนๆมาเม้นเยอะๆ ขอบคุณค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จะให้เราเม้นอะไรอีก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เม้นอะไรมาก็ได้ ขอบคุณค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เดี๋ยวบอกเพื่อนให้แล้วกัน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบใจมากๆนะเพื่อน ไม่มีนายละแย่เลย

Unknown กล่าวว่า...

สร้างบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อนอะไร

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

5k videos that support youtube
1. Vocal Media: Vocal Media is an online platform and community company created in 2008. This video platform lets you download youtube to mp3 create videos that you like 10 posts  ·  A few clicks away from my YouTube channel I found the new Vocal Media - Vocal Media.